หูฟังประเภทไหนบ้างที่นิยมใช้งานในงานระบบเสียง
หูฟังในท้องตลาดปัจจุบันนี้ มีอยู่หลากหลายรูปแบบ และมีลักษณะการออกแบบที่เหมาะสำหรับการใช้ที่ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกันไป แต่แม้จะมีหลายประเภท แต่หูฟังที่เหมาะสมและได้รับความนิยมใช้ในงานมิกซ์เสียงทั้งงานในสตูดิโอหรืองาน Live Sound นั้น หลักๆจะมีเพียงแบบ Headphones และ Earbuds ทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น มาติดตามไปพร้อมๆกันเลยครับ
1.หูฟังประเภท Headphones
Headphones เป็นหูฟังที่มีลักษณะของลำโพงที่สวมคาดศีรษะ โดยโครงสร้างประกอบด้วย ลำโพง 2 ตัว แยกจากกันแต่ละข้าง เชื่อมต่อด้วยวัสดุที่ออกแบบมาสำหรับคาดศีรษะของผู้ใช้งาน โดย หูฟังประเภท Headphones นั้น ยังสามารถแยกออกเป็นลักษณะย่อยๆได้อีกคือ Over-Ear Headphones (หูฟังแบบครอบทั้งใบหู)หรือบางทีเรียกว่า Circumaural Headphone และ On-Ear Headphones (หูฟังแบบครอบหู) แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีเพียงสองแบบเท่านั้นที่นิยมใช้ในงานเกี่ยวกับระบบเสียงนั่นก็คือหูฟัง Over-Ear แบบ Closed-Back Headphones (หูฟังแบบปิดด้านหลัง) และ Open-Back Headphones (หูฟังแบบเปิดหลัง) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Closed-Back Headphones (หูฟังแบบปิดด้านหลัง)
หูฟังแบบปิดด้านหลังมีจำหน่ายมากที่สุดในปัจจุบัน มีโครงสร้างที่ครอบหูทำจากวัสดุแข็งแรง ออกแบบมาเพื่อกันเสียงรบกวนจากภายนอกและกันเสียงจากหูฟังเล็ดรอดออกมาภายนอก โดยจุดเด่นของหูฟังแบบ
( Closed-Back Headphones) คือสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดี ที่ครอบหูทำจากวัสดุที่กันเสียงทะลุผ่านได้ง่าย จึง ไม่จำเป็นต้องเร่งเสียงก็สามารถได้ยินเสียงในหูฟังอย่างชัดเจนและด้วยเหตุผลที่เสียงเบสไม่สามารถทะลุผ่านวัสดุที่ครอบหูที่เป็นของแข็งได้นี่เอง จึงทำให้หูฟังประภเทนี้จะได้ยินเสียงความถี่ย่านเบสที่ชัดเจน
นิยมในการใช้งานแบบไหน
– หูฟัง Closed-Back ได้รับความนิยมมากในงานสตูดิโอ ศิลปินนิยมใช้ในการบันทึกเสียง เพราะการที่หูฟังกันเสียงภายนอกไม่ให้เข้าในหู ช่วยให้ศิลปินมีสมาธิในการบันทึกเสียงได้อย่างดี
– ซาวด์เอนจิเนียร์นิยมใช้หูฟัง Closed-Back ในงานมิกซ์เสียง Live Sound เพราะช่วยกันไม่ให้เสียงภายนอกเล็ดรอดเข้าไปในหูฟังขณะมิกซ์เสียงได้นั่นเอง
Open-Back Headphones (หูฟังแบบเปิดหลัง)
หูฟังแบบ Open-Back ทำในลักษณะที่ตรงกันข้ามกับ Close-Back คือ ที่ครอบหูของหูฟังจะเปิดด้านหลังเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้มากขึ้น ทำให้เสียงสามารถเดินทางได้สองทิศทางคือเข้าไปในหูและออกมาจากหู ยกตัวอย่างหูฟังประเภทนี้ก็อย่างเช่น Sennheiser HD414 หูฟังแบบ Open-Back รุ่นยอดนิยมเครื่องแรกที่เปิดตัวในปี 1965 จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้ คือ
– ผู้ฟังสามารถฟังหูฟัง Open-Back ได้อย่างต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง เนื่องจากการที่หูฟังเปิดโล่งทำให้มีการระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด
– หูฟัง Open-Back ให้คุณภาพเสียงดีในระดับออดิโอไฟล์ คือให้รายละเอียดเสียงที่ดีกว่าแบบ Close-Back
นิยมใช้งานแบบไหน
– โปรดิวเซอร์เพลง หรือซาวด์เอ็นจิเนียร์นิยมใช้ หูฟัง Open-Backสำหรับการทำมาสเตอริ่งเพลง เพราะให้เสียงที่แม่นยำ เป็นธรรมชาติ และยังนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการฟังเพลงแบบคุณภาพสูง
2.หูฟังประเภท Earbuds
Earbuds เป็นหูฟังที่ออกแบบให้มีขนาดเล็กสำหรับใส่เข้าไปในหู ซึ่งสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆได้หลายประเภท แต่ที่นิยมใช้ในงาน live Sound คือ หูฟังแบบ In-Ear Monitor หรือหูฟังชนิดใส่ในหู มีรายละเอียดดังนี้
In-Ear Monitor (หูฟังชนิดใส่ในหู)
หูฟังชนิดนี้ เป็น Earbuds ชนิดใส่ในหู ออกแบบให้รูปทรงเข้ากันกับรูปของช่องหู มีโครงสร้างยาวและมีปลายซิลิโคนที่ทำให้ใส่ในหูได้ลึกขึ้น จึงได้เปรียบกว่าหูฟังชนิดอื่นในเรื่องของความกระชับ และด้วยรูปทรงที่กลมกลืนไปกับใบหู ซึ่งจุดเด่นของหูฟังแบบ In-Ear Monitor นั้นก็คือ
– เนิ่องจากมีความพอดีกับรูปของช่องใบหู จึงตัดเสียงรบกวนได้อย่างดีเยี่ยม
– ให้คุณภาพเสียงที่ดี ชัดเจน ยิ่งเสียงอยู่ใกล้หูเท่าไหร่ ผู้ใช้ก็ยิ่งได้ยินเสียงมากขึ้นเท่านั้น
นิยมใช้งานแบบไหน
-นิยมใช้งานในกลุ่มศิลปิน หรือนักดนตรีที่ต้องใช้เป็นมอนิเตอร์ส่วนตัว เพื่อให้สามารถขอเสียงที่ตัวเองต้องการได้มากกว่าลำโพงมอนิเตอร์วางพื้นปกติ ช่วยลดปัญหาเสียงรบกวนบนเวทีได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเองครับ
แม้บทความนี้จะแนะนำเพียงสองประเภทนี้เท่านั้น แต่ในโลกของหูฟังเองก็ยังมีความหลากหลายมากมาย มีเทคโนโลยีที่ออกแบบสำหรับตอบสนองความต้องการในการใช้งานอีกมากมาย ดังนั้นหากใครยังไม่มีหูฟังประจำตัวและกำลังอยากจะมีไว้สักตัว แอดแนะนำให้ลองด้วยตัวเอง และลองหลายๆแบบ หลายๆแบรนด์ เพราะสุดท้ายข้อมูลก็เป็นเพียงส่วนประกอบในการตัดสินใจ แต่ยังงัยเสีย สุดท้ายผู้ซื้อเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุดครับ พบกันบทความหน้าครับ